สระน้ำเกลือใช่มั้ยคะ เติมคลอรีนมั้ยคะ? เป็นคำถามอีกคำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านมักจะถามประกอบการตัดสินใจสมัครเรียนว่ายน้ำให้กับเด็กๆ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเบื้องต้นถึงความแตกต่างของทั้งสองระบบกัน
สระว่ายน้ำทั่วไปจะต้องมีระบบฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากการมีเชื้อโรคในน้ำ ทั้งเชื้อโรคที่มากับน้ำดิบ เชื้อโรคที่มาจากผู้ใช้สระ เชื้อโรคในอากาศ เป็นต้น ระบบฆ่าเชื้อโรคในน้ำที่เป็นที่รู้จักและยอมรับกันมีหลายระบบ เช่น ระบบคลอรีน และระบบเกลือ เป็นต้น
ระบบคลอรีน เป็นระบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน รูปแบบคลอรีนที่ใช้กันหลายชนิด เช่น ผง เกล็ด น้ำ เป็นต้น วิธีการก็คือเติมลงไปในสระหรือถังเก็บน้ำโดยตรง คุณสมบัติของคลอรีนก็คือฆ่าเชื้อโรค โดยจะทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและจุลินทรีย์ต่างๆ เมื่อผนังเซลล์ถูกทำลาย เชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ต่างก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ผิวหนังของคนเราก็เป็นเซลล์ชนิดหนึ่ง เมื่อโดนคลอรีนที่มีความเข้มข้นสูงไป ก็จะรู้สึกระคายเคืองเพราะโดนคลอรีนกัดนั่นเอง ความไวของผิวหนังของเด็กหรือผู้ใหญ่แต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนมีความไวของผิวหนังมาก ก็จะรู้สึกระคายเคืองมากกว่า
ระบบเกลือ เป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา โดยใช้เกลือเทลงไปในสระน้ำ น้ำเกลือก็ถูกส่งผ่านไปยังเครื่องเกลือ(Salt Chlorinator) ทำหน้าที่แยกและผลิตตัวฆ่าเชื้อโรคซึ่งจะมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคและจุลินทรีย์ในลักษณะเดียวกันกับระบบคลอรีน แต่จะสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่า
ถึงแม้ระบบเกลือที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากกว่า แต่หากไม่มีการควบคุณคุณภาพและดูแลค่าทางเคมีต่างๆของน้ำในสระเช่น ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ความกระด้าง รวมทั้งต้องจัดให้มีการเก็บตัวอย่างน้ำวิเคราะห์เชื้อโรค ให้อยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองและอันตรายแก่ผู้ใช้สระได้เช่นกัน
เรื่องโดย: ประภัสสร ชาญณรงค์ / วิศวกรอาวุโสและผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพน้ำ BABY POOL Thailand
สระว่ายน้ำทั่วไปจะต้องมีระบบฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากการมีเชื้อโรคในน้ำ ทั้งเชื้อโรคที่มากับน้ำดิบ เชื้อโรคที่มาจากผู้ใช้สระ เชื้อโรคในอากาศ เป็นต้น ระบบฆ่าเชื้อโรคในน้ำที่เป็นที่รู้จักและยอมรับกันมีหลายระบบ เช่น ระบบคลอรีน และระบบเกลือ เป็นต้น
ระบบคลอรีน เป็นระบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน รูปแบบคลอรีนที่ใช้กันหลายชนิด เช่น ผง เกล็ด น้ำ เป็นต้น วิธีการก็คือเติมลงไปในสระหรือถังเก็บน้ำโดยตรง คุณสมบัติของคลอรีนก็คือฆ่าเชื้อโรค โดยจะทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและจุลินทรีย์ต่างๆ เมื่อผนังเซลล์ถูกทำลาย เชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ต่างก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ผิวหนังของคนเราก็เป็นเซลล์ชนิดหนึ่ง เมื่อโดนคลอรีนที่มีความเข้มข้นสูงไป ก็จะรู้สึกระคายเคืองเพราะโดนคลอรีนกัดนั่นเอง ความไวของผิวหนังของเด็กหรือผู้ใหญ่แต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนมีความไวของผิวหนังมาก ก็จะรู้สึกระคายเคืองมากกว่า
ระบบเกลือ เป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา โดยใช้เกลือเทลงไปในสระน้ำ น้ำเกลือก็ถูกส่งผ่านไปยังเครื่องเกลือ(Salt Chlorinator) ทำหน้าที่แยกและผลิตตัวฆ่าเชื้อโรคซึ่งจะมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคและจุลินทรีย์ในลักษณะเดียวกันกับระบบคลอรีน แต่จะสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่า
ถึงแม้ระบบเกลือที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากกว่า แต่หากไม่มีการควบคุณคุณภาพและดูแลค่าทางเคมีต่างๆของน้ำในสระเช่น ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ความกระด้าง รวมทั้งต้องจัดให้มีการเก็บตัวอย่างน้ำวิเคราะห์เชื้อโรค ให้อยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองและอันตรายแก่ผู้ใช้สระได้เช่นกัน
เรื่องโดย: ประภัสสร ชาญณรงค์ / วิศวกรอาวุโสและผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพน้ำ BABY POOL Thailand